เมื่อพูดถึงบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือร้านน้ำทั่วไป “แก้วพลาสติก” เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา และดูสวยงาม แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอคือ แก้วพลาสติกสามารถใส่เครื่องดื่มร้อนได้หรือไม่? หรือเหมาะกับเครื่องดื่มเย็นมากกว่า?
ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของแก้วพลาสติก ความเหมาะสมกับอุณหภูมิเครื่องดื่ม และข้อควรระวังในการเลือกใช้แก้วแต่ละชนิด เพื่อให้คุณสามารถเลือกแก้วได้เหมาะสมกับเมนู และปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด
ประเภทของแก้วพลาสติกที่พบได้ทั่วไป
การรู้จักวัสดุที่ใช้ผลิตแก้วพลาสติกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแก้วแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องการ “ทนความร้อน”
- PET (Polyethylene Terephthalate)
ลักษณะ: แก้วใส เรียบ หรู ดูพรีเมียม นิยมใช้กับเครื่องดื่มเย็น เช่น ชานมไข่มุก น้ำผลไม้ สมูทตี้
จุดเด่น: โปร่งใสสูง น้ำหนักเบา ราคาถูก
ความร้อนที่รับได้: ไม่เกิน 60°C
ไม่เหมาะกับเครื่องดื่มร้อน เพราะจะทำให้แก้วเสียรูป หรือปล่อยสารเคมีออกมาได้
- PP (Polypropylene)
ลักษณะ: แก้วเนื้อขุ่น สีขาวนวล บางครั้งเป็นแก้วร้อนที่ใช้ในร้านกาแฟ
จุดเด่น: ทนความร้อนได้ดี สามารถใส่ของร้อนได้โดยไม่เสียรูป (ควรเลือกแบบหนา)
ความร้อนที่รับได้: สูงถึง 80–101°C
เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนและเย็น เช่น กาแฟดำ ชาไทย ชาเขียว
- PS (Polystyrene)
ลักษณะ: เนื้อใสกว่าขุ่น แต่เปราะ แตกง่าย
จุดเด่น: ราคาถูก นิยมในงานอีเวนต์หรืองานบุญ
ความร้อนที่รับได้: ไม่เกิน 70°C
ไม่แนะนำสำหรับเครื่องดื่มร้อนจัด
- PLA (Polylactic Acid) – พลาสติกชีวภาพ
ลักษณะ: แก้วใส คล้าย PET ผลิตจากแป้งข้าวโพดหรือพืช
จุดเด่น: ย่อยสลายได้ทางชีวภาพในสภาวะอุตสาหกรรม
ความร้อนที่รับได้: 40–50°C เท่านั้น
เหมาะกับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ห้ามใส่ร้อนเด็ดขาด
สรุปเปรียบเทียบความเหมาะสมของแก้วพลาสติกแต่ละชนิด
ประเภทแก้ว | ความใส | ทนร้อน | เหมาะกับเมนู | หมายเหตุ |
PET | ใสมาก | ไม่เกิน 60°C | เมนูเย็น น้ำปั่น | สวย แต่ใส่ร้อนไม่ได้ |
PP | ขุ่นนิดๆ | สูงสุด 101°C | เมนูเย็น สามารถใส่ร้อนได้ | ใส่ร้อนได้ แต่ควรเลือกแก้วแบบหนา |
PS | ใสปานกลาง | ไม่เกิน 70°C | น้ำเย็น ชาเขียว | เปราะง่าย ไม่ทนร้อน |
PLA | ใส | ไม่เกิน 50°C | น้ำเย็น น้ำผลไม้ | ย่อยสลายได้ แต่ใส่ร้อนไม่ได้ |
อันตรายจากการใช้แก้วผิดประเภท
การนำแก้วที่ไม่เหมาะกับอุณหภูมิเครื่องดื่มมาใช้งาน เช่น นำแก้ว PET หรือ PLA ไปใส่ของร้อน อาจเกิดผลเสียได้ดังนี้:
- แก้วเสียรูปหรือรั่วซึม
- แก้วเปลี่ยนรูปเมื่อสัมผัสของร้อน
- เสี่ยงต่อการหกหรือลวกผู้บริโภค หรือเกิดอุบัติเหตุขณะถือ
- ปล่อยสารเคมีอันตราย
- อุณหภูมิสูงอาจทำให้สารเคมีในพลาสติกละลายออกมา
- เสี่ยงต่อการปนเปื้อน เช่น BPA หรือสารโลหะหนักบางชนิด
- ไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยสำหรับวัสดุสัมผัสอาหาร (Food Contact Safety)
- เสี่ยงต่อการถูกตักเตือนโดยหน่วยงานด้านสุขอนามัย
- กระทบความน่าเชื่อถือของร้านในระยะยาว
- ทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์
- ลูกค้าอาจรีวิวเชิงลบ หากพบว่าใช้งานแก้วไม่เหมาะสม
- สื่อถึงความไม่ใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย
ข้อมูลงานวิจัยจาก NIST : รายงานว่าแก้วกาแฟพลาสติกที่เจอน้ำร้อนสามารถปล่อยนาโนพลาสติกจำนวนเป็นล้านล้านอนุภาคต่อลิตร ซึ่งอาจผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีผลต่อสุขภาพระยะยาว
แล้วร้านค้า/ผู้ประกอบการควรเลือกยังไง?
หากคุณเป็นเจ้าของร้านเครื่องดื่ม คาเฟ่ หรือกำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับเมนูของคุณ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ เลือกแก้วที่สอดคล้องกับประเภทเครื่องดื่ม อุณหภูมิ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยสามารถพิจารณาตามแนวทางนี้:
เครื่องดื่มเย็น:
- เลือก แก้ว PET หรือ PLA สำหรับเมนูเย็น เช่น ชานม ชาเขียว โกโก้ น้ำผลไม้ปั่น
- หากต้องการช่วยลดขยะ ควรเลือก PLA หรือ PET รีไซเคิลได้
- PP ก็สามารถใช้กับเมนูเย็นได้เช่นกัน แม้จะไม่ใสเท่า PET
เครื่องดื่มร้อน:
- ควรใช้ แก้ว PP ที่ทนร้อนได้สูง และผ่านมาตรฐาน Food Grade
- หรือใช้ แก้วกระดาษเคลือบ PE / PLA ที่ออกแบบมาสำหรับความร้อนโดยเฉพาะ
หากใส่ร้อนและต้องการภาพลักษณ์พรีเมียม → อาจใช้ แก้ว PP ฝาโดมใส หรือแก้ว 2 ชั้น ช่วยป้องกันความร้อนสัมผัสมือโดยตรง
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการ
- คิดจากเมนูหลักของร้าน: หากขายเย็นเป็นหลัก ใช้ PET ก็พอ แต่ถ้ามีเมนูร้อนด้วย → แยกแก้วร้อนต่างหากด้วย PP หรือแก้วกระดาษ
- เช็คมาตรฐาน: เลือกแก้วที่ผ่านมาตรฐาน Food Grade และมีใบรับรองจากผู้ผลิต (เช่น FDA, อย.)
- คำนึงถึงแบรนด์และภาพลักษณ์:
- ถ้าร้านของคุณเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม → ใช้ PLA หรือแก้วกระดาษที่ย่อยสลายได้
- ถ้าเน้นความใส พรีเมียม → PET / PP แบบใสคือคำตอบ
- ดูความคุ้มค่าระยะยาว: บางครั้งแก้วที่มีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้มากกว่า เพราะภาพลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์มีผลต่อ “การตัดสินใจซื้อ” อย่างมาก
สรุป
แก้วพลาสติกไม่ได้ใช้ได้กับทุกเมนู เพราะแต่ละประเภทวัสดุมีคุณสมบัติเฉพาะ ทั้งในเรื่องความใส ความทนร้อน ความปลอดภัย และความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อม โดยรวมแล้ว แก้วพลาสติกที่พบในตลาดบ้านเราส่วนใหญ่เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มเย็น เพราะเน้นความใสและดูดี แต่หากต้องการใส่เครื่องดื่มร้อน ควรเลือก PP หรือหันไปใช้แก้วกระดาษเคลือบ food-grade ที่ออกแบบมาสำหรับร้อนโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังควรระวังเรื่อง การใช้แก้วผิดประเภท ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ความเสียหายของสินค้า หรือกระทบภาพลักษณ์ร้านค้าในสายตาลูกค้า
คำถาม (FAQ) เกี่ยวกับ แก้วพลาสติก
Q: ทำไมใส่โกโก้ร้อนลงในแก้ว PET แล้วแก้วบุบ?
A: เพราะแก้ว PET ไม่ทนความร้อน ความร้อนทำให้แก้วเสียรูปและอาจปล่อยสารเคมี
Q: PLA เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใส่ร้อนได้ไหม?
A: ไม่ได้ค่ะ PLA ใส่ได้เฉพาะเครื่องดื่มเย็น ความร้อนทำให้ละลายง่าย
Q: มีแก้วพลาสติกที่ใส่ได้ทั้งร้อนและเย็นไหม?
A: แก้ว PP ทนได้ทั้งร้อนและเย็น แต่จะไม่ใสเท่า PET หากต้องการแก้วเดียวใช้ได้ทุกเมนู ควรเลือก PP
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
ข้อมูลจาก : National Institute of Standards and Technology (NIST)
เรื่อง : NIST Study Shows Everyday Plastic Products Release Trillions of Microscopic Particles Into Water
ลิงก์: https://www.nist.gov/news-events/news/2022/04/nist-study-shows-everyday-plastic-products-release-trillions-microscopic