แก้วพลาสติกเหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มร้อนหรือเย็นมากกว่ากัน?

เมื่อพูดถึงบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ คาเฟ่ หรือร้านน้ำทั่วไป “แก้วพลาสติก” เป็นตัวเลือกยอดนิยมที่ใช้งานง่าย ราคาย่อมเยา และดูสวยงาม แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นอยู่เสมอคือ แก้วพลาสติกสามารถใส่เครื่องดื่มร้อนได้หรือไม่? หรือเหมาะกับเครื่องดื่มเย็นมากกว่า?

ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงประเภทของแก้วพลาสติก ความเหมาะสมกับอุณหภูมิเครื่องดื่ม และข้อควรระวังในการเลือกใช้แก้วแต่ละชนิด เพื่อให้คุณสามารถเลือกแก้วได้เหมาะสมกับเมนู และปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากที่สุด

 

ประเภทของแก้วพลาสติกที่พบได้ทั่วไป

การรู้จักวัสดุที่ใช้ผลิตแก้วพลาสติกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแก้วแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องการ “ทนความร้อน”

 

  1. PET (Polyethylene Terephthalate)

ลักษณะ: แก้วใส เรียบ หรู ดูพรีเมียม นิยมใช้กับเครื่องดื่มเย็น เช่น ชานมไข่มุก น้ำผลไม้ สมูทตี้

จุดเด่น: โปร่งใสสูง น้ำหนักเบา ราคาถูก

ความร้อนที่รับได้: ไม่เกิน 60°C

ไม่เหมาะกับเครื่องดื่มร้อน เพราะจะทำให้แก้วเสียรูป หรือปล่อยสารเคมีออกมาได้

 

  1. PP (Polypropylene)

ลักษณะ: แก้วเนื้อขุ่น สีขาวนวล บางครั้งเป็นแก้วร้อนที่ใช้ในร้านกาแฟ

จุดเด่น: ทนความร้อนได้ดี สามารถใส่ของร้อนได้โดยไม่เสียรูป (ควรเลือกแบบหนา)

ความร้อนที่รับได้: สูงถึง 80–101°C

เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนและเย็น เช่น กาแฟดำ ชาไทย ชาเขียว

 

  1. PS (Polystyrene)

ลักษณะ: เนื้อใสกว่าขุ่น แต่เปราะ แตกง่าย

จุดเด่น: ราคาถูก นิยมในงานอีเวนต์หรืองานบุญ

ความร้อนที่รับได้: ไม่เกิน 70°C

ไม่แนะนำสำหรับเครื่องดื่มร้อนจัด

 

  1. PLA (Polylactic Acid) – พลาสติกชีวภาพ

ลักษณะ: แก้วใส คล้าย PET ผลิตจากแป้งข้าวโพดหรือพืช

จุดเด่น: ย่อยสลายได้ทางชีวภาพในสภาวะอุตสาหกรรม

ความร้อนที่รับได้: 40–50°C เท่านั้น

เหมาะกับเครื่องดื่มเย็นเท่านั้น ห้ามใส่ร้อนเด็ดขาด

 

สรุปเปรียบเทียบความเหมาะสมของแก้วพลาสติกแต่ละชนิด

ประเภทแก้ว ความใส ทนร้อน เหมาะกับเมนู หมายเหตุ
PET ใสมาก ไม่เกิน 60°C เมนูเย็น น้ำปั่น สวย แต่ใส่ร้อนไม่ได้
PP ขุ่นนิดๆ สูงสุด 101°C เมนูเย็น สามารถใส่ร้อนได้ ใส่ร้อนได้ แต่ควรเลือกแก้วแบบหนา
PS ใสปานกลาง ไม่เกิน 70°C น้ำเย็น ชาเขียว เปราะง่าย ไม่ทนร้อน
PLA ใส ไม่เกิน 50°C น้ำเย็น น้ำผลไม้ ย่อยสลายได้ แต่ใส่ร้อนไม่ได้

 

อันตรายจากการใช้แก้วผิดประเภท

การนำแก้วที่ไม่เหมาะกับอุณหภูมิเครื่องดื่มมาใช้งาน เช่น นำแก้ว PET หรือ PLA ไปใส่ของร้อน อาจเกิดผลเสียได้ดังนี้:

  1. แก้วเสียรูปหรือรั่วซึม
  • แก้วเปลี่ยนรูปเมื่อสัมผัสของร้อน
  • เสี่ยงต่อการหกหรือลวกผู้บริโภค หรือเกิดอุบัติเหตุขณะถือ

 

  1. ปล่อยสารเคมีอันตราย
  • อุณหภูมิสูงอาจทำให้สารเคมีในพลาสติกละลายออกมา
  • เสี่ยงต่อการปนเปื้อน เช่น BPA หรือสารโลหะหนักบางชนิด

 

  1. ไม่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัยสำหรับวัสดุสัมผัสอาหาร (Food Contact Safety)
  • เสี่ยงต่อการถูกตักเตือนโดยหน่วยงานด้านสุขอนามัย
  • กระทบความน่าเชื่อถือของร้านในระยะยาว

 

  1. ทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์
  • ลูกค้าอาจรีวิวเชิงลบ หากพบว่าใช้งานแก้วไม่เหมาะสม
  • สื่อถึงความไม่ใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย

 

ข้อมูลงานวิจัยจาก NIST : รายงานว่าแก้วกาแฟพลาสติกที่เจอน้ำร้อนสามารถปล่อยนาโนพลาสติกจำนวนเป็นล้านล้านอนุภาคต่อลิตร ซึ่งอาจผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีผลต่อสุขภาพระยะยาว

 

แล้วร้านค้า/ผู้ประกอบการควรเลือกยังไง?

หากคุณเป็นเจ้าของร้านเครื่องดื่ม คาเฟ่ หรือกำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับเมนูของคุณ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ เลือกแก้วที่สอดคล้องกับประเภทเครื่องดื่ม อุณหภูมิ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยสามารถพิจารณาตามแนวทางนี้:

เครื่องดื่มเย็น:

  • เลือก แก้ว PET หรือ PLA สำหรับเมนูเย็น เช่น ชานม ชาเขียว โกโก้ น้ำผลไม้ปั่น
  • หากต้องการช่วยลดขยะ ควรเลือก PLA หรือ PET รีไซเคิลได้
  • PP ก็สามารถใช้กับเมนูเย็นได้เช่นกัน แม้จะไม่ใสเท่า PET

เครื่องดื่มร้อน:

  • ควรใช้ แก้ว PP ที่ทนร้อนได้สูง และผ่านมาตรฐาน Food Grade
  • หรือใช้ แก้วกระดาษเคลือบ PE / PLA ที่ออกแบบมาสำหรับความร้อนโดยเฉพาะ

หากใส่ร้อนและต้องการภาพลักษณ์พรีเมียม → อาจใช้ แก้ว PP ฝาโดมใส หรือแก้ว 2 ชั้น ช่วยป้องกันความร้อนสัมผัสมือโดยตรง

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการ

  1. คิดจากเมนูหลักของร้าน: หากขายเย็นเป็นหลัก ใช้ PET ก็พอ แต่ถ้ามีเมนูร้อนด้วย → แยกแก้วร้อนต่างหากด้วย PP หรือแก้วกระดาษ

 

  1. เช็คมาตรฐาน: เลือกแก้วที่ผ่านมาตรฐาน Food Grade และมีใบรับรองจากผู้ผลิต (เช่น FDA, อย.)

 

  1. คำนึงถึงแบรนด์และภาพลักษณ์:
  • ถ้าร้านของคุณเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม → ใช้ PLA หรือแก้วกระดาษที่ย่อยสลายได้
  • ถ้าเน้นความใส พรีเมียม → PET / PP แบบใสคือคำตอบ

 

  1. ดูความคุ้มค่าระยะยาว: บางครั้งแก้วที่มีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้มากกว่า เพราะภาพลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์มีผลต่อ “การตัดสินใจซื้อ” อย่างมาก

 

สรุป

แก้วพลาสติกไม่ได้ใช้ได้กับทุกเมนู เพราะแต่ละประเภทวัสดุมีคุณสมบัติเฉพาะ ทั้งในเรื่องความใส ความทนร้อน ความปลอดภัย และความเหมาะสมด้านสิ่งแวดล้อม โดยรวมแล้ว แก้วพลาสติกที่พบในตลาดบ้านเราส่วนใหญ่เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่มเย็น เพราะเน้นความใสและดูดี แต่หากต้องการใส่เครื่องดื่มร้อน ควรเลือก PP หรือหันไปใช้แก้วกระดาษเคลือบ food-grade ที่ออกแบบมาสำหรับร้อนโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังควรระวังเรื่อง การใช้แก้วผิดประเภท ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ความเสียหายของสินค้า หรือกระทบภาพลักษณ์ร้านค้าในสายตาลูกค้า

คำถาม (FAQ) เกี่ยวกับ แก้วพลาสติก

Q: ทำไมใส่โกโก้ร้อนลงในแก้ว PET แล้วแก้วบุบ?

A: เพราะแก้ว PET ไม่ทนความร้อน ความร้อนทำให้แก้วเสียรูปและอาจปล่อยสารเคมี

 

Q: PLA เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใส่ร้อนได้ไหม?

A: ไม่ได้ค่ะ PLA ใส่ได้เฉพาะเครื่องดื่มเย็น ความร้อนทำให้ละลายง่าย

 

Q: มีแก้วพลาสติกที่ใส่ได้ทั้งร้อนและเย็นไหม?

A: แก้ว PP ทนได้ทั้งร้อนและเย็น แต่จะไม่ใสเท่า PET หากต้องการแก้วเดียวใช้ได้ทุกเมนู ควรเลือก PP

 

 

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

ข้อมูลจาก : National Institute of Standards and Technology (NIST)

เรื่อง : NIST Study Shows Everyday Plastic Products Release Trillions of Microscopic Particles Into Water

ลิงก์: https://www.nist.gov/news-events/news/2022/04/nist-study-shows-everyday-plastic-products-release-trillions-microscopic