ถ้วยกระดาษสามารถย่อยสลายได้จริงหรือไม่?

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “ถ้วยกระดาษ” กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนเชื่อว่าเป็นมิตรต่อโลกและย่อยสลายได้ง่าย แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ถ้วยกระดาษทุกใบจะย่อยสลายได้เสมอไป

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจให้ลึกขึ้นว่า ถ้วยกระดาษแบบไหนย่อยสลายได้จริง และจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

 

ถ้วยกระดาษประกอบด้วยอะไร?

แม้ชื่อจะเรียกว่า “ถ้วยกระดาษ” แต่ในความเป็นจริง ถ้วยเหล่านี้มักประกอบด้วย 2 ชั้นหลัก คือ

  1. กระดาษฟู้ดเกรด (Food Grade Paper)

ผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติ ปลอดภัยสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม และสามารถย่อยสลายได้ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติภายใน 2–5 เดือน

 

  1. ชั้นเคลือบ (Coating Layer)

เพื่อให้กระดาษสามารถใส่ของเหลวได้โดยไม่รั่วซึม จำเป็นต้องมีการเคลือบวัสดุป้องกัน เช่น:

  • PE (Polyethylene) – วัสดุยอดนิยมในอุตสาหกรรมถ้วยกระดาษ ให้ความแข็งแรง ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนและเย็น ใช้งานจริงในร้านกาแฟ คาเฟ่ และเดลิเวอรี่อย่างแพร่หลาย
  • PLA และ Bio-Coating – ทางเลือกที่เน้นความสามารถในการย่อยสลายได้ทั้งใบ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความร้อนและต้นทุน

แล้วถ้วยกระดาษแบบไหน “ย่อยสลายได้จริง”?

  1. ถ้วยกระดาษเคลือบ Bio หรือ PLA (Polylactic Acid):
  • ทำจากพืช เช่น ข้าวโพด อ้อย หรือมันสำปะหลัง
  • ย่อยสลายได้ในสภาวะอุตสาหกรรม (Industrial Composting)
  • ยังไม่แพร่หลายในไทยมากนัก เนื่องจากต้องใช้ระบบการกำจัดที่เฉพาะเจาะจง

 

  1. ถ้วยกระดาษเคลือบน้ำ (Water-based Coating):
  • เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
  • ย่อยสลายง่ายกว่า PE และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ทันที โดยไม่ต้องแยกชั้น

 

ถ้วยกระดาษทั่วไปที่เคลือบ PE ย่อยสลายได้ไหม?

แม้ตัวถ้วยจะทำจากกระดาษที่ย่อยสลายได้ แต่เมื่อเคลือบด้วยพลาสติก PE (Polyethylene) ซึ่งกันน้ำและความชื้นได้ดี ทำให้ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และต้องใช้โรงงานเฉพาะทางในการรีไซเคิล

แล้วทำไมยังเป็นที่นิยม? เพราะ “ข้อดี” ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง

  • ราคาคุ้มค่า: ราคาย่อมเยากว่าถ้วยที่ใช้เคลือบ PLA หรือเคลือบน้ำ เหมาะกับร้านที่ต้องการควบคุมต้นทุน
  • กันรั่วซึมได้ดีเยี่ยม: ชั้น PE ช่วยให้สามารถใส่เครื่องดื่มเย็นจัด นม หรือเมนูร้อนโดยไม่ซึมเปื้อน
  • เหมาะกับการใช้งานสั้น: เหมาะสำหรับสินค้าที่บริโภคทันที เช่น เมนู Takeaway หรือเดลิเวอรี
  • โครงสร้างแข็งแรง: ไม่อ่อนยุ่งง่ายเมื่อโดนน้ำหรือความร้อน

 

เปรียบเทียบถ้วยกระดาษแต่ละประเภท

  1. ถ้วยกระดาษเคลือบ PE (Polyethylene)

วัสดุเคลือบ: พลาสติก PE

ราคาโดยประมาณ: 0.78 – 2.76 บาทต่อใบ (ยี่ห้อ CPW แบบยกลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวน)

การใช้งาน: เหมาะกับเมนูร้อนและเย็น ทนความร้อนได้ดี โครงสร้างแข็งแรง นิยมใช้ในร้านกาแฟและเดลิเวอรี

 

  1. ถ้วยกระดาษเคลือบ PLA (Polylactic Acid)

วัสดุเคลือบ: พลาสติกชีวภาพจากพืช เช่น ข้าวโพด หรืออ้อย

ราคาโดยประมาณ: 3.4 – 4.7 บาทต่อใบ

การใช้งาน: ไม่เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนจัด เพราะอาจทำให้ชั้นเคลือบเสื่อม นิยมใช้ในธุรกิจที่ต้องการเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

  1. ถ้วยกระดาษเคลือบน้ำ (Water-Based Coating หรือ Bio-Coating)

วัสดุเคลือบ: สารเคลือบน้ำ

ราคาโดยประมาณ: 4.8 – 7.4 บาทต่อใบ

การใช้งาน: เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนระดับปานกลาง เช่น ชาอุ่น หรือเมนูที่ไม่ต้องการความร้อนจัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิตของผู้ผลิตแต่ละราย

 

 

สรุป

ถ้วยกระดาษสามารถย่อยสลายได้จริง แต่ความสามารถในการย่อยสลายนั้น ขึ้นอยู่กับวัสดุเคลือบ

  • ถ้วยที่เคลือบ PE (พลาสติกทั่วไป) ยังไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ต้องอาศัยการจัดการเฉพาะทาง
  • ถ้วยที่เคลือบ PLA หรือเคลือบน้ำ (Water-based) ย่อยสลายได้ง่ายกว่า แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนและการใช้งาน

สำหรับผู้ประกอบการ การเลือกถ้วยกระดาษจึงควรพิจารณาให้เหมาะสมกับ ประเภทสินค้า งบประมาณ และภาพลักษณ์แบรนด์ หากคุณเน้นความคุ้มค่า ใช้งานง่าย ถ้วยเคลือบ PE ก็ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์

แต่หากแบรนด์คุณต้องการยกระดับสู่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ถ้วยที่ใช้การเคลือบชีวภาพหรือเคลือบน้ำอาจเป็นคำตอบในระยะยาว

 

แหล่งอ้างอิงข้อมูล

ข้อมูลจาก : THINK GREENER

เรื่อง : ทำความเข้าใจการเคลือบด้วยน้ำเทียบกับการเคลือบด้วย PE และ PLA

ลิงก์ : https://thinkgreener.ie/understanding-aqueous-coating-vs-pe-and-pla-lining/

 

ข้อมูลจาก : YoonPak

เรื่อง : PE Coating vs PLA Coating vs Water-Based Coating: Which Paper Cup Coating is Best?

ลิงก์ : https://www.yoonpak.com/pe-coating/

 

บทความที่น่าสนใจ  ถ้วยกระดาษคืออะไร ข้อดีและข้อเสียที่คุณควรรู้ก่อนเลือกใช้งาน