ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “ถ้วยกระดาษ” กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนเชื่อว่าเป็นมิตรต่อโลกและย่อยสลายได้ง่าย แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ถ้วยกระดาษทุกใบจะย่อยสลายได้เสมอไป
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจให้ลึกขึ้นว่า ถ้วยกระดาษแบบไหนย่อยสลายได้จริง และจะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ถ้วยกระดาษประกอบด้วยอะไร?
แม้ชื่อจะเรียกว่า “ถ้วยกระดาษ” แต่ในความเป็นจริง ถ้วยเหล่านี้มักประกอบด้วย 2 ชั้นหลัก คือ
- กระดาษฟู้ดเกรด (Food Grade Paper)
ผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติ ปลอดภัยสำหรับอาหารและเครื่องดื่ม และสามารถย่อยสลายได้ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติภายใน 2–5 เดือน
- ชั้นเคลือบ (Coating Layer)
เพื่อให้กระดาษสามารถใส่ของเหลวได้โดยไม่รั่วซึม จำเป็นต้องมีการเคลือบวัสดุป้องกัน เช่น:
- PE (Polyethylene) – วัสดุยอดนิยมในอุตสาหกรรมถ้วยกระดาษ ให้ความแข็งแรง ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนและเย็น ใช้งานจริงในร้านกาแฟ คาเฟ่ และเดลิเวอรี่อย่างแพร่หลาย
- PLA และ Bio-Coating – ทางเลือกที่เน้นความสามารถในการย่อยสลายได้ทั้งใบ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความร้อนและต้นทุน
แล้วถ้วยกระดาษแบบไหน “ย่อยสลายได้จริง”?
- ถ้วยกระดาษเคลือบ Bio หรือ PLA (Polylactic Acid):
- ทำจากพืช เช่น ข้าวโพด อ้อย หรือมันสำปะหลัง
- ย่อยสลายได้ในสภาวะอุตสาหกรรม (Industrial Composting)
- ยังไม่แพร่หลายในไทยมากนัก เนื่องจากต้องใช้ระบบการกำจัดที่เฉพาะเจาะจง
- ถ้วยกระดาษเคลือบน้ำ (Water-based Coating):
- เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น
- ย่อยสลายง่ายกว่า PE และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ทันที โดยไม่ต้องแยกชั้น
ถ้วยกระดาษทั่วไปที่เคลือบ PE ย่อยสลายได้ไหม?
แม้ตัวถ้วยจะทำจากกระดาษที่ย่อยสลายได้ แต่เมื่อเคลือบด้วยพลาสติก PE (Polyethylene) ซึ่งกันน้ำและความชื้นได้ดี ทำให้ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และต้องใช้โรงงานเฉพาะทางในการรีไซเคิล
แล้วทำไมยังเป็นที่นิยม? เพราะ “ข้อดี” ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
- ราคาคุ้มค่า: ราคาย่อมเยากว่าถ้วยที่ใช้เคลือบ PLA หรือเคลือบน้ำ เหมาะกับร้านที่ต้องการควบคุมต้นทุน
- กันรั่วซึมได้ดีเยี่ยม: ชั้น PE ช่วยให้สามารถใส่เครื่องดื่มเย็นจัด นม หรือเมนูร้อนโดยไม่ซึมเปื้อน
- เหมาะกับการใช้งานสั้น: เหมาะสำหรับสินค้าที่บริโภคทันที เช่น เมนู Takeaway หรือเดลิเวอรี
- โครงสร้างแข็งแรง: ไม่อ่อนยุ่งง่ายเมื่อโดนน้ำหรือความร้อน
เปรียบเทียบถ้วยกระดาษแต่ละประเภท
- ถ้วยกระดาษเคลือบ PE (Polyethylene)
วัสดุเคลือบ: พลาสติก PE
ราคาโดยประมาณ: 0.78 – 2.76 บาทต่อใบ (ยี่ห้อ CPW แบบยกลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวน)
การใช้งาน: เหมาะกับเมนูร้อนและเย็น ทนความร้อนได้ดี โครงสร้างแข็งแรง นิยมใช้ในร้านกาแฟและเดลิเวอรี
- ถ้วยกระดาษเคลือบ PLA (Polylactic Acid)
วัสดุเคลือบ: พลาสติกชีวภาพจากพืช เช่น ข้าวโพด หรืออ้อย
ราคาโดยประมาณ: 3.4 – 4.7 บาทต่อใบ
การใช้งาน: ไม่เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนจัด เพราะอาจทำให้ชั้นเคลือบเสื่อม นิยมใช้ในธุรกิจที่ต้องการเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ถ้วยกระดาษเคลือบน้ำ (Water-Based Coating หรือ Bio-Coating)
วัสดุเคลือบ: สารเคลือบน้ำ
ราคาโดยประมาณ: 4.8 – 7.4 บาทต่อใบ
การใช้งาน: เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนระดับปานกลาง เช่น ชาอุ่น หรือเมนูที่ไม่ต้องการความร้อนจัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิตของผู้ผลิตแต่ละราย
สรุป
ถ้วยกระดาษสามารถย่อยสลายได้จริง แต่ความสามารถในการย่อยสลายนั้น ขึ้นอยู่กับวัสดุเคลือบ
- ถ้วยที่เคลือบ PE (พลาสติกทั่วไป) ยังไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ต้องอาศัยการจัดการเฉพาะทาง
- ถ้วยที่เคลือบ PLA หรือเคลือบน้ำ (Water-based) ย่อยสลายได้ง่ายกว่า แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนและการใช้งาน
สำหรับผู้ประกอบการ การเลือกถ้วยกระดาษจึงควรพิจารณาให้เหมาะสมกับ ประเภทสินค้า งบประมาณ และภาพลักษณ์แบรนด์ หากคุณเน้นความคุ้มค่า ใช้งานง่าย ถ้วยเคลือบ PE ก็ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์
แต่หากแบรนด์คุณต้องการยกระดับสู่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ถ้วยที่ใช้การเคลือบชีวภาพหรือเคลือบน้ำอาจเป็นคำตอบในระยะยาว
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
ข้อมูลจาก : THINK GREENER
เรื่อง : ทำความเข้าใจการเคลือบด้วยน้ำเทียบกับการเคลือบด้วย PE และ PLA
ลิงก์ : https://thinkgreener.ie/understanding-aqueous-coating-vs-pe-and-pla-lining/
ข้อมูลจาก : YoonPak
เรื่อง : PE Coating vs PLA Coating vs Water-Based Coating: Which Paper Cup Coating is Best?
ลิงก์ : https://www.yoonpak.com/pe-coating/
บทความที่น่าสนใจ ถ้วยกระดาษคืออะไร ข้อดีและข้อเสียที่คุณควรรู้ก่อนเลือกใช้งาน